ประกันภัยรถยนต์

           ใกล้แล้วกับเทศกาลสุดหรรษาประจำปีของชาวไทย นั่นก็คือ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งบริษัทต่างๆ ก็จะหยุดติดต่อกันยาวในช่วงนี้ ส่งผลให้การจราจรขาออกไปต่างจังหวัดมีการติดขัด เพราะหลายๆ คนไปเที่ยวและบางคนก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัด และระหว่างทางสิ่งที่มักจะพบเห็นได้บ่อยครั้งก็คือเหตุการณ์รถเสีย หรืออุบัติเหตุ ซึ่งคนที่ขับรถออกไปช่วงนี้ก็ขอให้ใช้ความระมัดระวังด้วยนะครับ และวันนี้ “มาสิ” จึงจะมาแนะนำว่า “ไปเที่ยวแล้วรถเสีย ประกันภัยรถยนต์ช่วยได้อย่างไร” ก่อนอื่นสิ่งที่ต้องรู้สำหรับผู้ที่ทำประกันภัยรถยนต์ ก็คือ กรณีรถเสียนี้ประกันภัยรถยนต์จะไม่คุ้มครอง นั่นหมายความว่าเราจะต้องเป็นคนจ่ายค่าซ่อมเองทั้งหมด เพราะประกันภัยรถยนต์จะให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น และรถเสียนี้ไม่นับเป็นอุบัติเหตุ หรือเข้าใจแบบสั้นๆได้ว่า  “ประกันจ่ายให้ผลของอุบัติเหตุ. ไม่ได้จ่ายให้สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครับ”   ตัวอย่างเช่น รถเรายางแตกโดยไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุทั้งก่อนและหลังยางแตก แต่เป็นขับมาอยู่ดีๆก็ยางแตก แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นอุบัติเหตุครับ ประกันภัยรถยนต์จะไม่คุ้มครองในส่วนนี้ จะมีก็แต่บริการเสริมจากบริษัทประกันที่จะยังดูแลเราอยู่...

              รถยางแตกดูๆ แล้วเหมือนเป็นเรื่องตลก แต่จริงๆ แล้วถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ใครๆก็มีโอกาสประสบเหตุนี้ได้หากไม่ดูแลยางรถยนต์ที่เราใช้ให้อยู่ในสภาพดี และในส่วนของประกันภัยรถยนต์ วันนี้"มาสิ"ก็มีคำแนะนำมาฝาก ไปดูกันเลย รถยางแตก กรณีนี้นับว่าเป็นอุบัติเหตุหรือไม่ และประกันอะไรคุ้มครอง? นับเป็นอุบัติเหตุรถยนต์ทั่วไป ซึ่งประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองในส่วนนี้ แต่ประกันประกันรถยนต์ชั้น  2+, 3+, 2, 3 จะไม่คุ้มครองในกรณีนี้ แยกกรณีรับผิดชอบให้ดูชัดๆ แยกเป็น 2 กรณี ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินคู่กรณี(รถยางแตกแล้วเสียหลักไปชนกำแพง เสา,ต้นไม้,รถคันอื่น ฯลฯ) ...

“ ประกันภัยรถยนต์ ราคาเท่ามด แต่ความคุ้มครองเท่าช้าง”       ใกล้เข้ามาทุกทีสำหรับช่วงวันหยุดยาวประจำปีที่ทุกคนเฝ้ารอ นั้นก็คือเทศกาลสงกรานต์นั่นเอง ไหนจะหยุดไหนจะเทศกาล สุขสันต์กันไปเลยทีเดียว  แต่ก่อนจะไปสนุกสนานกันนั้น “มาสิ” ก็อยากแนะนำว่าเดินทางไปสนุกสนานก็ให้นึกถึงความปลอดภัยของตัวเราด้วยนะครับ โดยเฉพาะคนที่ขับรถก็อย่าลืมตรวจสอบประกันภัยรถยนต์นะครับ  ถ้าใกล้หมดอายุก็ให้รีบต่อ เพื่อหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้อุ่นใจ ว่าแล้ววันนี้ “มาสิ” ก็มีประกันราคาประหยัดสำหรับจะซื้อเพื่อคุ้มครองในช่วงสงกรานต์โดยเฉพาะมาแนะนำ ประกันภัยรถยนต์ตัวที่ว่านี้คือประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ จาก เอเชียประกันภัย ความพิเศษอยู่ตรงที่เป็นประกันภัยแบบ Micro Insurance (ประกันระยะสั้น) โดยประกันภัยรถยนต์ตัวนี้จะให้ความคุ้มครอง 30 วัน ด้วยราคา 499 บาท!!  ว่าแล้วเราก็มาดูรายละเอียดกันว่าประกันภัยตัวนี้ว่าเล็กพริกขี้หนูอย่างไร! รายละเอียดของรถยนต์ที่ซื้อได้ ******สนใจซื้อ โทรหา "มาสิ"...

ใครอยากไปเที่ยวต่างประเทศ และ ขับรถเที่ยว วันนี้ “มาสิ” จะมาแนะนำ วิธีทำใบขับขี่ระหว่างประเทศ หรือที่หลายๆคนเรียกว่า ใบขับขี่อินเตอร์ (International Driving Permit/License) และเราจะมาแนะนำประเทศที่ขับรถเที่ยวเองได้เพียงแค่มีใบขับขี่อินเตอร์นี้ ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวไหนช่วงหยุดยาว ลองอ่านกันเลย! ประเทศที่ ขับรถเที่ยว เองได้ ไม่ต้องขอวีซ่า เริ่มจาก การขอใบขับขี่ระหว่างประเทศ ถ้าเรามีใบขับขี่ของประเทศไทยอยู่แล้ว การขอใบขับขี่ระหว่างประเทศนั้นจะไม่เป็นเรื่องที่ยากเลย เพียงแค่เตรียมเอกสาร และนำไปยื่นที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 หรือ ส่วนใครอยู่ต่างจังหวัดก็สามารถยื่นได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดของทุกจังหวัด เอกสารที่ต้องนำไปยื่นเพื่อขอใบขับขี่ระหว่างประเทศ สำเนา Passport พร้อมเล่มจริง สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมฉบับจริง สำเนาใบขับขี่ พร้อมฉบับจริง รูปถ่าย 2 นิ้ว...

ใกล้จะสงกรานต์แล้ว ใครมีแผนไปเที่ยวไหนกันบ้างครับ? ปีนี้ ด้วยคอนเซปต์ ของททท.ที่ชวนชาวไทยเล่นน้ำ “สงกรานต์ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง”  ถ้ายังไม่มีแผน ก็ต้องรีบหาที่เที่ยวกันแล้ว จะได้ไม่ตกเทรนต์เก๋ไก๋และลึกซึ้งนี้ ส่วนใครที่มีแผนแล้ว ก็เตรียมตัวเที่ยวให้สนุกกันนะครับ เที่ยวสงกรานต์ อุ่นใจ เก๋ไก๋สไตล์ลึกซึ้ง อย่างแรกต้องเปิดเทศกาลด้วยการดูขบวนแห่ เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ : Amazing Songkran 2017 ขบวนแห่มหัศจรรย์วันสงกรานต์ของปีนี้ เพื่อนๆอย่าลืมชมพิธีเปิดปีมหาสงกรานต์นี้กันนะครับ งานนี้จะถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2560 ตั้งแต่เวลา 17.30 น. เตรียมชมขบวนแห่สุดอลังการบนถนนสุขุมวิท ตั้งแต่แยกพร้อมพงษ์ ยาวไปถึงแยกปทุมวัน รวมระยะทางยาวกว่า 5 กิโลเมตร งานนี้ต้องห้ามพลาด! ดูขบวนแห่เสร็จแล้วเล่นสงกรานต์ที่ไหนดี? พอเข้าวันหยุด ตั้งแต่วันที่ 13...

ในการขับรถ เดินทาง เราไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเราจะต้องพบเจอกับอะไรบ้าง และคงไม่มีใครอยากจะให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น แต่เมื่อเราต้องตกอยู่ในสถานการณ์นั้น เราควรรับมืออย่างไร วันนี้เรามีวิธีปฏิบัติตัว เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านมาบอกกันครับ วิธีเตรียมพร้อมรับมือเหตุไม่คาดฝันระหว่างเดินทาง 1.เมื่อเกิดเหตุขึ้น ควรสำรวจสถานที่รอบๆตัว หากเป็นที่เปลี่ยวหรือมืด ยังไม่ควรลงจากรถเพื่อลงไปดู ในกรณีที่ไม่หนักมาก ควรอยู่ในรถ ล็อกรถ และรีบโทรแจ้งตำรวจ ประกันภัย ให้เร็วที่สุด โดยบอกรายละเอียดให้ชัดเจนทั้งสถานที่ รายละเอียดรถของเราและคู่กรณีและมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ควรเปิดไฟฉุกเฉินขอทางไว้ เพื่อป้องกันรถที่ตามมาข้างหลังจะได้จอดให้ความช่วยเหลือหรือป้องกันอุบัติเหตุจากรถที่ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอยู่ 2.อย่าขยับรถออกจากที่เกิดเหตุถ้ายังไม่มั่นใจว่าเราเป็นฝ่ายถูกหรือผิด ควรรอให้เจ้าหน้าที่มาก่อน และหากรถจอดอยู่ในช่องทางขวาหรือมีรถตามมา ถ้าในเวลากลางวัน หรือที่คุณคิดว่าปลอดภัยก็ควรลงไปหาสิ่งกีดขวาง เช่น กิ่งไม้ หรือวัสดุ ที่จะบอกให้รถคันที่ตามมารู้ว่าข้างหน้ามีอุบัติเหตุอยู่ จะได้เลี่ยงช่องทางดังกล่าว 3.ควรถ่ายรูป จุดเกิดเหตุ ร่องรอยจากเหตุที่เกิดขึ้นรวมถึงทะเบียนรถคู่กรณี เก็บเอาไว้เป็นหลักฐานเพื่อป้องกันการหนีหายของคู่กรณี 4.ควรพูดคุยตกลงกับคู่กรณีด้วยถ้อยคำสุภาพ มีสติ และใจเย็น เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุที่ไม่อยากให้มีใครให้เกิดขึ้น ดังนั้นอย่าใจร้อน หรือพูดจารุนแรงกระทบกระทั่งกัน จนอาจทำให้เป็นฉนวนเกิดเหตุที่รุนแรงขั้นได้...

  เรื่องของการใช้รถกับการเกิดอุบัติเหตุถือเป็นของคู่กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเราจะระมัดระวังเป็นอย่างดีแล้วแต่ในบางครั้งก็ยังเกิดอุบัติเหตุ ดังคำ “เราระวังแล้ว แต่คนอื่นไม่ระวัง” หากไม่บาดเจ็บหรือบาดเล็กน้อยก็ดีไป แต่หากบาดเจ็บหนักขึ้นมา ก็จะเกิดคำถามตามมาว่า “ใครจะรับผิดชอบ” หากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิด ก็ต้องคู่กรณีใช่ไหมครับ? ซึ่งถ้ามีคู่กรณีก็ดีไป แต่ถ้าหาคู่กรณีไม่ได้ล่ะ เราก็ “โดน ชนแล้วหนี ไง” ซึ่งคงไม่ดีแน่ๆ วันนี้เราจะพาไปดูเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกรณี “ชนแล้วหนี” กันว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อประสบเหตุนี้และมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง “พรบ.จราจรทางมาตรา 78 บัญญัติว่า ผู้ขับรถในทางซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินจะต้องหยุดรถให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที ไม่ว่าจะเป็นความผิดของผู้ขับขี่หรือไม่ก็ตาม” ซึ่งหากว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วเราปฏิบัติตามพรบ.จราจรทางมาตรา 78 ก็ไม่ต้องกลัวไปว่าเราจะเป็นคนผิด เพราะต้องมาพิจารณาหาสาเหตุของอุบัติเหตุอีกที เพื่อหาฝ่ายผิดจากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนกฏหมาย ที่จะมีประกันภัยรถยนต์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในส่วนของการจ่ายค่าสินไหมทดแทน แต่หากว่าเราชนแล้วหนีล่ะจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? ในกรณีที่เรา (ผู้ขับขี่) เกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น แล้วเราไม่แสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ ณ...

หลายๆ คนอาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 2+ ที่นิยมซื้อกันว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไรและจุดดีจุดด้อยคืออะไรบ้าง วันนี้ มาสิ จะพาไปดูกัน โดยเริ่มจากแยกรายละเอียดของประกันชั้น 1 และ ประกันชั้น 2+ ให้ดู จะได้รู้ว่าประกันชั้นไหนดีที่เหมาะกับตัวเอง ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 คุ้มครองอะไรบ้าง? ประกันภัยรถยนต์ชั้น1 ให้ความคุ้มครองดังนี้ ซ่อมรถคู่กรณี (หรือทรัพย์สิน) และค่ารักษาพยาบาลคู่กรณี ซ่อมรถเรา ค่ารักษาพยาบาลตัวเราและผู้โดยสารของเรา คุ้มครองกรณี สูญหาย ไฟไหม้ และน้ำท่วม รายละเอียดต่างๆที่คุ้มครองจะเป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ของบริษัทประกันเท่านั้น ราคา  ช่วงตั้งแต่ 10,000 บาทขึ้นไป masii tips  พูดแบบภาษาบ้านๆ...

         อุบัติเหตุ ทางรถยนต์มีโอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ต่อให้เราระวังแค่ไหนก็ตาม โดยปกติแล้วคงไม่มีใครอยากให้ตัวเองประสบอุบัติเหตุใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งส่วนใหญ่รถยนต์ที่ประสบอุบัติเหตุมักจะมีสาเหตุจากความประมาท เช่น หลับใน ขับรถฝ่าไฟแดง ขับเร็วจนไม่สามารถเบรคได้ทัน เป็นต้น และพอหลังจากประสบอุบัติเหตุประเด็นที่มักจะตามมาคือ “ทำประกันไว้ไหม?” “ทำประกันอะไรไว้?” “ประกันคุ้มครองแค่ไหน?”  ซึ่งวันนี้มาสิมีตัวอย่างอุบัติเหตุที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพครับ      กรณีตัวอย่างคือ รถยนต์เสียหลักลงข้างทาง, รถยนต์เสียหลักพลิกคว่ำ, รถยนต์แหกโค้ง รวมๆคืออุบัติเหตุรถเสียหลักครับ ตัวอย่างนี้ใกล้ตัวมาก เพราะหนึ่งในทีมงานของ"มาสิ" พึ่งประสบเหตุมาครับ  เรื่องมีอยู่ว่า วันเกิดเหตุนั้นมีฝนตก ขณะทีมมาสิขับรถมาทำงานตามปกติ แต่ด้วยความที่ถนนลื่นจากฝนตก ขณะเข้าโค้งรถที่ขับมาได้เกิดเสียหลักและหลุดออกไปจากถนนลงไปยังข้างทาง ซึ่งหลังจากประสบเหตุก็ทำการโทรเรียกประกันมา ผลสรุปว่าสามารถเคลมได้เพราะเป็นประกันชั้น 1...

จอดรถ หันหน้า "เข้า" หรือ "ออก" ดีกว่ากัน? เคยสงสัยไหมว่าเวลา จอดรถ ในบ้าน เราควรเอาหน้ารถเข้า หรือเอาท้ายรถเข้า? หลายคนอาจจะจอดแบบเดิมทุกวันจนเคยชิน แต่ยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วทั้ง 2 แบบนี้มันมีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันยังไง แล้วมันแตกต่างกันยังไง? วันนี้ "มาสิ" จะมาลองเปรียบเทียบข้อดีของแต่ละแบบให้ดูกัน ;) #ช่างเปรียบเทียบ เรามาดูกันเลย หน้าเข้า ดียังไง? 1. สะดวก รวดเร็วตอนจอด หลายคนที่ขับรถกลับบ้านมาเหนื่อยๆ ก็คงรู้สึกว่าการจอดรถเอาหน้าเข้านั้นสะดวก รวดเร็วกว่ามาก 2. ไม่เหม็นควันรถ สำหรับรถหลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่นเก่า ถ้าถอยเอารถก้นเข้านั้น จะทำให้ควันรถเข้าบ้านและส่งกลิ่นเหม็น ส่วนใครที่ใช้แก๊สโซฮอล์ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ 3. สำหรับคนชอบเปิดกระโปรงรถ จอดหน้าเข้าน่าจะดีกว่า หลายคนที่ชอบเปิดกระโปรงรถเพื่อระบายความร้อน จอดเอาหน้าเข้าน่าจะดีกว่า โดยเฉพาะการจอดในบ้านที่มีฝาผนังบังส่วนหน้า ลดความเสี่ยงจากการที่มีสิ่งแปลกปลอมตกบนรถ หน้าออก...